วิธีเลือกใช้กล่องพัสดุที่เหมาะสมกับสินค้า: เลือกกล่องที่สามารถป้องกันสินค้าและสร้างความประทับใจที่ดีผู้รับ

วิธีเลือกใช้กล่องพัสดุที่เหมาะสมกับสินค้า: เลือกกล่องที่สามารถป้องกันสินค้าและสร้างความประทับใจที่ดีผู้รับ

การเลือกกล่องพัสดุหรือกล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับแพ็คสินค้านั้นอาจจะดูเป็นเรื่องอะไรง่ายๆ และไม่มีอะไรซับซ้อนเกินความจำเป็น แต่หากไม่ใส่ใจเราอาจจะได้เห็นรีวิวแย่ๆจากลูกค้าที่เราส่งของให้ และสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อธุรกิจของคุณได้ในระยะยาว

หากคุณเคยเลื่อนดูตามแอปพลิเคชันสั่งสินค้าออนไลน์ต่างๆ คุณอาจจะเคยเห็นส่วนรีวิวสินค้าที่มักจะมีคความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าต่างๆนานๆมากมาย หนึ่งในความคิดเห็นที่ดีแต่น่าเสียดายยอดนิยมคือ  “คุณภาพของสินค้าดีมาก ได้ของครบ แต่กล่องมีรู กล่องแตก กล่องเปียกจนสินค้าได้รับความเสียหาย”  เป็นต้น โดยที่ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นได้ด้วยหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของของขนส่ง ปัญหาของสินค้าที่หนักเกินไป หรือมีของเหลวจนทะลักทำให้ตัวกล่องมีปัญหาในภายหลัง ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ไขด้วยด้วยการจัดการและการเลือกกล่องพัสดุที่เหมาะสมสำหรับสินค้าที่คุณแพ็ค เพราะต่อให้ของจะหนัก มีของเหลว หรือขนส่งไม่ดี แต่สิ่งเหล่านี้คุณไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นการเลือกกล่องบรรจุภัณฑ์มีคุณภาพจึงดูเหมือนจะเหมาะสมที่สุดในกรณีแบบนี้ และถ้าคุณไม่รู้ว่าจะเลือกกล่องอย่างไร บทความนี้แนะนำให้คุณได้ 

 

4 ทริคไม่ลับสำหรับเลือกใช้กล่องพัสดุให้เหมาะกับสินค้า! 

กล่องพัสดุเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีความสำคัญต่อธุรกิจทุกประเภท เนื่องจากเป็นสื่อกลางในการส่งมอบสินค้าจากร้านค้าไปยังลูกค้า การเลือกกล่องพัสดุให้เหมาะกับสินค้าจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพื่อปกป้องสินค้าให้ปลอดภัยระหว่างการขนส่งและการจัดเก็บ

ทริคที่ 1 : พิจารณาขนาด ลักษณะ และน้ำหนักของสินค้า

สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาในการเลือกกล่องพัสดุคือขนาดและน้ำหนักของสินค้า เพื่อให้กล่องบรรจุภัณฑ์มีขนาดพอดีกับสินค้า ไม่เล็กจนเกินไปจนสินค้าขยับไปมาภายในกล่อง หรือใหญ่จนเกินไปจนสิ้นเปลืองพื้นที่และต้นทุน และสำหรับกรณีของเหลวควรห่อด้วยพลาสติกก่อนและเลือกกลองที่มีพลาสติกห่อด้านในเพื่อกันกล่องเสียหาย

ทริคที่ 2 : เลือกวัสดุที่เหมาะสม

วัสดุที่ใช้ทำกล่องพัสดุก็มีหลากหลายประเภท เช่น กระดาษลูกฟูก พลาสติก ฟอยล์ เป็นต้น การเลือกวัสดุที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะและน้ำหนักของสินค้า เช่น สินค้าที่มีน้ำหนักมากควรใช้กล่องที่ทำจากวัสดุที่แข็งแรง เช่น กระดาษลูกฟูก 5 ชั้น สินค้าที่มีน้ำหนักเบาและเปราะบางควรใช้กล่องที่ทำจากวัสดุที่กันกระแทกได้ดี เช่น พลาสติกโฟม

ทริคที่ 3 : เลือกรูปแบบกล่องที่เหมาะสม

กล่องพัสดุมีหลายรูปแบบ เช่น กล่องสี่เหลี่ยม กล่องฝาชน กล่องฝาเปิด กล่องฝาหูพับ เป็นต้น การเลือกรูปแบบกล่องที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะของสินค้า เช่น สินค้าที่มีรูปทรงพิเศษควรใช้กล่องที่มีรูปทรงรองรับ เช่น กล่องใส่เสื้อผ้า กล่องใส่รองเท้า กล่องใส่แก้ว

ทริคที่ 4 : ใส่ใจรายละเอียดอื่นๆ

นอกจากขนาด วัสดุ รูปแบบแล้ว ยังมีรายละเอียดอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาในการเลือกกล่องพัสดุ เช่น

  • ฉลากสินค้า : กล่องพัสดุควรมีฉลากสินค้าที่ชัดเจนและครบถ้วน เพื่อให้ผู้รับสามารถระบุข้อมูลสินค้าได้
  • ความปลอดภัย : กล่องพัสดุควรมีความปลอดภัยเพียงพอเพื่อป้องกันสินค้าเสียหายระหว่างการขนส่ง
  • ความยั่งยืน : ในปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การเลือกกล่องพัสดุที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องพิจารณา

ด้วยวิธีที่เราได้แนะนำไปข้างต้น เรามั่นใจว่าคุณจะสามารถตัดปัญหาเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของสินค้า รวมถึงพวกปัญหาเกี่ยวกับสินค้าเสียหายที่สร้างความลำบากใจและ ภาพลัษณ์ที่ไม่เหมาะสมต่อแบรนด์และธุรกิจของคุณด้วย 

 

เลือกกล่องคุณภาพ: เลือกผลิตกล่องจาก Jkcarton 

ปัญหาที่เจอบ่อยสำหรับผู้ที่กำลังตามหากล่องพัสดุคุณภาพในราคาที่จับต้องได้นั้นเป็นเรื่องที่หายาก แต่จะไม่ยากอีกต่อไปหากคุณได้เจอกับ  Jkcarton ผู้ให้บริการผลิตกล่องพัสดุที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน 

Jkcarton เป็นผู้ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูง มีประสบการณ์กว่า 20 ปี ให้บริการผลิตกล่องหลากหลายประเภท เช่น กล่องกระดาษลูกฟูก กล่องใส่สินค้า กล่องใส่อาหาร กล่องใส่บรรจุภัณฑ์ เป็นต้น นอกจากนี้เรายังเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงในการผลิตกล่อง ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของสินค้าและสิ่งแวดล้อม ผลิตกล่องตามความต้องการของลูกค้า รวดเร็ว ทันเวลา และราคาที่ย่อมเยา

กลับไปยังบล็อก