EPR (Extended Producer Responsibility) คือ กรอบกฎหมายที่ให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้ารับผิดชอบตลอดวงจรชีวิตบรรจุภัณฑ์ไม่ใช่ขายแล้วจบ แต่ต้องออกแบบให้รีไซเคิลได้จริงสื่อสารวิธีทิ้งให้ถูกต้อง และมีเอกสารประกอบตามที่ตกลงเพื่อยืนยันการปฏิบัติรวมถึงเข้าร่วมกลไกค่าใช้จ่ายปลายทางเมื่อระบบเดินจริง แนวโน้มของไทยกำลังเดินสู่การใช้งานก่อนปี 2027
กฎหมาย EPR (Extended Producer Responsibility) กำลังขยับจากแนวโน้มไปเป็นกติกาของตลาดไทยก่อนปี 2027 การเริ่มเตรียมตัวตอนนี้ช่วยให้คุณวางแผนอย่างมีข้อมูล ไม่ต้องรีบปรับแบบฉุกเฉินภายหลัง และสำคัญที่สุดทำให้บรรจุภัณฑ์ของคุณรีไซเคิลได้จริงตั้งแต่ต้นทาง
สำหรับบริบทประเทศไทย ทางเลือกที่เดินได้เร็วคือเริ่มจากกล่องกระดาษ เพราะระบบรีไซเคิลรองรับอยู่แล้ว เมื่อออกแบบให้ถูกหลักโครงสร้างกระดาษล้วนเคลือบเท่าที่จำเป็นและล้างออกได้ หมึกและกาวที่เป็นมิตร ฉลากลอกง่ายพร้อมสัญลักษณ์หรือ QR แนะนำการทิ้ง คุณจะได้สามสิ่งพร้อมกันคือ คุมต้นทุน ลดความเสียหายระหว่างขนส่ง และความพร้อมตามกรอบกฎหมาย
มุมต้นทุนไม่ได้มีแค่วัสดุ แต่รวมถึงโลจิสติกส์และการเคลมความเสียหายด้วย การทำ Right-size ให้ขนาดกล่องพอดีสินค้าช่วยลดช่องว่างและวัสดุเสริมและช่วยคุมค่า DIM ในการขนส่งทำให้ลดโอกาสสินค้าชำรุดระหว่างทางซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากดีไซน์ตั้งแต่ต้นทางตามแนวคิดของ EPR
ด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย สิ่งที่ EPR ต้องการเห็นคือการออกแบบเพื่อรีไซเคิล + การสื่อสารการทิ้งที่ถูกต้อง + หลักฐานประกอบที่ตรวจสอบได้ การทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณมีทั้งสเปคที่ชัดเจนและเอกสารประกอบตามที่ตกลงพร้อมใช้อ้างอิงเมื่อมีการตรวจไม่ต้องรื้อระบบใหม่ทีหลัง
และนี่คือบทบาทของ JK Cartons เราไม่ได้แค่ผลิตกล่อง แต่ช่วยเชื่อมข้อกำหนด EPR เข้ากับงานจริงของคุณอย่างครบวงจร ตั้งแต่การประเมินการใช้งานหน้างาน การกำหนดสเปคที่เหมาะกับสินค้า เลือกลอนและเกรดกระดาษที่ลงตัว ออกแบบให้ได้ขนาดพอดี (Right-size) ทำต้นแบบ ทดสอบบนเส้นทางจริง จนถึงการจัดเตรียมเอกสารประกอบตามที่ตกลง ทุกขั้นตอนดำเนินงานภายใต้มาตรฐาน ISO 9001:2015 พร้อมประสบการณ์กว่า 30 ปี และความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า10,000บริษัท
สรุปคือ ยิ่งคุณเริ่มต้นเร็วก็ยิ่งมีเวลาในการปรับแต่งให้กล่องรีไซเคิลได้จริง คุ้มค่าจริง และพร้อมรับข้อกำหนด EPR ตั้งแต่ล็อตแรกที่ผลิต
JK Cartons ดูแลครบ สเปคกล่องกระดาษที่พร้อม EPR
หลายคนอาจมองว่าการออกแบบกล่องกระดาษให้รีไซเคิลได้เป็นเรื่องซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วหากมีทีมที่เข้าใจทั้งเทคนิคการผลิตและกรอบกฎหมายมาช่วยดูแล งานก็ง่ายขึ้นมาก
เราจะเริ่มจากการทำความเข้าใจการใช้งานจริงของคุณก่อน เช่น น้ำหนักของสินค้า จำนวนชั้นที่ต้องซ้อนวิธีจัดเก็บในคลัง และเส้นทางการขนส่งที่ต้องเจอจากนั้นจึงกำหนดสเปคกล่องที่สอดคล้องกับการใช้งานจริงไม่หนาเกินไปให้สิ้นเปลือง และไม่บางเกินไปจนเสี่ยงต่อความเสียหาย
ในเรื่องของลอนและเกรดกระดาษก็เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องใช้เกรดสูงสุดเสมอไป งานบางประเภทใช้ลอน B ก็เพียงพอ แต่บางกรณีอาจต้องใช้ลอน BC เพื่อรองรับแรงอัดและความชื้นตามสภาพแวดล้อมจริง
ท้ายที่สุดคือการทำ Right-sizing หรือการออกแบบขนาดกล่องให้พอดีกับสินค้า เพื่อลดช่องว่างและลดการใช้วัสดุเสริม ทำให้ระบบรีไซเคิลสะอาดขึ้นอีกทั้งยังช่วยควบคุมค่า DIM (Dimensional Weight) ในการขนส่งได้โดยตรงอีกด้วย
ออกแบบให้รีไซเคิลได้จริง เช็กลิสต์ที่เราตรวจให้ทุกงาน
การออกแบบกล่องกระดาษให้รีไซเคิลง่ายมีหลักเกณฑ์ชัดเจน เราจึงใช้เช็กลิสต์เดียวกันตรวจงานทุกโปรเจ็กต์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คงเส้นคงวาและตรวจสอบได้
-
โครงสร้างและวัสดุ Mono-material มาก่อนเสมอ
เริ่มจากโครงสร้างกระดาษล้วน (mono-material) เพื่อลดขั้นตอนแยกวัสดุในปลายทาง ระบบรีไซเคิลจึงทำงานได้สะอาดและมีประสิทธิภาพกว่า
-
เคลือบเท่าที่จำเป็นและต้องล้างออกได้
หลีกเลี่ยงการเคลือบถาวรหรือแว็กซ์หนัก หากเลี่ยงไม่ได้เราเลือกสูตรที่ล้างออกได้ในกระบวนการรีไซเคิล และกำหนดจุดแยกส่วนให้ชัดเจน
-
หมึกและกาวที่เป็นมิตรต่อรีไซเคิล
เราแนะนำหมึกพิมพ์แบบ Water-based หรือ Soy-based เพื่อจำกัด VOC และไม่รบกวนการทำเยื่อใหม่และกาวเลือกแบบละลายน้ำและใช้เท่าที่จำเป็นลดคราบตกค้างในระบบ
-
หน้าต่าง/ฟอยล์ เลี่ยง หรือถอดได้ในขั้นเดียว
หากต้องมีหน้าต่างพลาสติกหรือฟอยล์ ให้ดีไซน์ให้ดึงออกในขั้นเดียวโดยไม่ทำลายโครงสร้างกล่องลดการปนเปื้อนกระแสรีไซเคิล
-
ฉลากลอกง่าย ไม่ปิดเต็มผิว
เลือกสติ๊กเกอร์ขนาดพอเหมาะ ใช้กาวลอกง่าย และหลีกเลี่ยงการปิดทับเต็มพื้นที่เพื่อไม่ให้กาวและเส้นใยฉลากปะปนในกระบวนการรีไซเคิล
-
สื่อสารการทิ้งให้ชัด สัญลักษณ์ + ข้อความ + QR
พิมพ์สัญลักษณ์รีไซเคิลและคำแนะนำสั้น ๆ บนกล่องพร้อม QR Code สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม ช่วยลดการทิ้งผิดถังและเพิ่มอัตรารีไซเคิลจริง
-
เป้าหมายเดียวกันคือรีไซเคิลได้เพราะดีไซน์ดี
เราออกแบบตั้งแต่ต้นทางโดยคำนึงถึงปลายทาง เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องยุ่งยากกับการแยกวัสดุ และทำให้ระบบรีไซเคิลดำเนินไปอย่างสะอาดและมีประสิทธิภาพ นี่คือหัวใจของกล่องกระดาษที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
ก้าวสู่ยุค EPR ด้วยกล่องกระดาษที่ตอบโจทย์พร้อมการดูแลครบวงจรจาก JK Cartons
EPRกำลังเปลี่ยนจากแนวโน้มเป็นกติกาของตลาดไทยก่อนปี 2027 และวิธีที่ฉลาดที่สุดในการเตรียมตัวคือเริ่มจากบรรจุภัณฑ์ที่ระบบรีไซเคิลรองรับอยู่แล้วกล่องกระดาษที่ถูกออกแบบมาอย่างถูกหลักตั้งแต่ต้นทาง ทั้งโครงสร้างชิ้นเดียว การเคลือบเท่าที่จำเป็น หมึก กาวที่เป็นมิตร และการสื่อสารการทิ้งที่ชัดเจน ผลลัพธ์คือสินค้าปลอดภัยขึ้น ต้นทุนขนส่งคุมได้ และเอกสารประกอบพร้อมเมื่อต้องตรวจตามกรอบกฎหมายใหม่
หน้าที่ของคุณไม่ใช่การเป็นวิศวกรแพ็กเกจจิ้ง แต่คือการเลือกพาร์ทเนอร์ที่ทำให้ทุกอย่าง พร้อมตั้งแต่ล็อตแรกซึ่งคือสิ่งที่ JK Cartons ทำเป็นงานประจำ เริ่มจากโจทย์หน้างานจริง กำหนดสเปค กล่องกระดาษ ที่พอดี เลือกลอน เกรดที่เหมาะสม ทดสอบหน้างาน และจัดเตรียมเอกสารประกอบตามที่ตกลงภายใต้มาตรฐาน ISO 9001:2015 และประสบการณ์ยาวนานกว่า30ปี
หากคุณต้องการความแข็งแรง ความคุ้มค่า และความพร้อมด้านกฎหมายในชิ้นเดียวเริ่มที่กล่องกระดาษที่ออกแบบดี และให้ทีมที่เข้าใจกฎหมายและการผลิตจริงอย่าง JK Cartons ดูแลให้ครบตั้งแต่วันนี้